พี่หนุ่มถาม : เพราะเขาไปตั้งสินค้าใหม่เป็นอีกแบรนด์ โดยไม่บอกคุณออมทั้งหมด ทำให้คุณออมเชื่อใจเขาไม่ได้แล้ว เลยต้องไปซื้อหุ้น 4% มาใช่ไหม
ออม : ใช่ค่ะ ความเชื่อใจมันหมดลงจริง ๆ ตอนนั้นออมจำเป็นต้องไปหาข้อมูลและปรึกษาคนที่เคยทำธุรกิจกับเขาว่า จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนทำงานยังไง เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะเดินต่อแบบไหนในอนาคต พอประเมินแล้ว ออมก็รู้สึกว่าถ้าเรายังอยู่ในจุดนี้ต่อไป ความไม่ชัดเจนอาจส่งผลเสียกับธุรกิจได้ ออมจึงตัดสินใจขอซื้อหุ้น 4% เพราะรู้สึกว่า ตอนนี้บริษัทเหมือนมีกัปตันที่กำลังขับเครื่องบินสองลำพร้อมกัน ซึ่งมันเสี่ยงต่อการบินมาก ๆ

ความรู้สึกของออมก็คือ ถ้าแบรนด์ที่เราตั้งใจดูแลและสร้างขึ้นมาจากศูนย์ มีกัปตันที่ควรโฟกัสเครื่องบินลำเดียว แต่กลับแบ่งสมาธิไปขับอีกลำด้วย มันจะไม่ปลอดภัยต่ออนาคตของแบรนด์เลย ออมอยากให้กัปตันของแบรนด์ตั้งใจพาเครื่องบินลำนี้ไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่ใช่บินไปครึ่งทางแล้วใจลอยไปอีกที่หนึ่ง เพราะในที่สุดคนที่จะเดือดร้อนก็คือทีมงาน ครอบครัว และลูกค้าที่เชื่อมั่นในเรา

การซื้อหุ้นครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ และการสร้างความมั่นใจว่าแบรนด์นี้ยังคงมีทิศทางชัดเจนและมั่นคง ออมยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่หนักใจ แต่เพื่อความชัดเจนในอนาคตของทุกคน จึงจำเป็นต้องทำค่ะ

Categories:NEWS
